top of page
Stemcera Medical Group.jpg
Stemcell.jpg

STEMCERA มุ่งเน้นให้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์

ที่เป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรมและได้รับการรับรองตามกฎหมายสำหรับผู้ที่เจ็บป่วย

ด้วยโรคเรื้อรังและโรคภัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรักษาได้โดยทางการแพทย์อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดีว่าสเต็มเซลล์ที่ได้จากเนื้อเยื่อและอวัยวะที่ต่างกันจะมีความแตกต่างกัน

และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงหากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่ง STEMCERA จะให้ข้อมูลและคำแนะนำ

โดยละเอียดในการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์แก่ลูกค้า รวมถึงประสิทธิภาพในการรักษาและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

ปัจจุบัน STEMCERA ประสบความสำเร็จในโปรแกรมนวัตกรรมการต่อต้านริ้วรอย การป้องกัน และรักษาหลอดเลือดสมอง 

การรักษากระดูกและข้อ การฟื้นฟูระบบประสาทในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ 

และความผิดปกติของระบบประสาทอื่น ๆ โรคหัวใจและหลอดเลือด 

เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน

Stroke รักษาไม่ยาก หากได้รับการดูแลที่ดี

 stroke.jpeg

ปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของรักษาจะขึ้นอยู่กับอายุ 

และโรคแทรกซ้อน ผู้ป่วยเหล่านี้มักจะมีความดันโลหิตสูง 

และบางรายก็จะมีโรคเบาหวานร่วมด้วย การรักษาด้วย

สเต็มเซลล์จะเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ผู้ป่วยติดเตียง 

มีโอกาสฟื้นฟูความแข็งแรงมากกว่าเมื่อเทียบกับไม่ได้รับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์  

ดังนั้นเพื่อให้ผลตอบสนองที่ดี ควรเริ่มให้การรักษาภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังจากเริ่มมีอาการ Stroke และในช่วง 2-3 เดือนแรก ควรให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลในภาวะฉุกเฉินจากผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาล เมื่ออาการคงที่แล้ว

ควรจะพิจารณาเริ่มให้การรักษาด้วยเซลล์โดยเร็วที่สุดเพื่อให้ได้ผลดีกว่าปล่อยให้ติดเตียงเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 1 ปี

ภาวะสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์รู้ก่อน หายก่อน

Alzheimer.png

การรักษาด้วย Stem Cell โดยการให้เซลล์ชนิดที่เรียกว่า Mesenchymal Stem Cell (MSC) เพื่อไปซ่อมเซลล์สมอง ร่วมกับการใช้สารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและอาหารที่ช่วยเสริมสร้างสมอง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของความทรงจำให้กลับคืนมาได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามควรจะมีการกระตุ้นความทรงจำของผู้ป่วยด้วยวิธีการที่เรียกว่า Neuro Feedback หรือวิธีการอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นความทรงจำกลับคืนมา นอกจากนี้การให้เซลล์

จะขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนักตัว และความเสื่อมของสมอง

โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้กำหนดปริมาณและความถี่

ซึ่งผลการรักษาจะได้ผลดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่รับการรักษาในช่วงระยะแรกเริ่ม ส่วนในรายที่อาการรุนแรงมากจะเน้นการแก้ปัญหาสุขภาพและภาวะแทรกซ้อน

bottom of page